วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2556

8.ออกเดินธุดงค์เป็นครั้งแรก - ประวัติพระอาจารย์จวน กุลเชฎโฐ



ออกเดินธุดงค์เป็นครั้งแรก

ออกพรรษาแล้ว  โยมมารดา  ได้ลากกลับไปบ้านอยู่กับลูกหลานที่บ้านเดิม  ข้าพเจ้าไม่มีภาระประการใด  จึงอยากจะออกวิเวก  ไปหาที่ทำความเพียรตามป่า  ตามเขาบ้าง  ตามธรรมเนียมของพระกัมมัฏฐาน  ชักชวนได้เพื่อนผู้หนึ่ง  เป็นสามเณรองค์หนึ่งเป็นเพื่อนออกเดินธุดงค์จากสำนักที่จำพรรษา  สถานที่แรกที่จะไปเป็นจุดหมายปลายทางแรก  คือไปนมัสการพระธาตุพนม  ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ข้าพเจ้าออกเดินทางจากวัดด้วยเท้า  เพราะการคมนาคมสมัยนั้นลำบากมากจากอำเภอเลิงนกทา  อุบลราชธานี  ไปยังจังหวัดนครพนมนั้นไม่มีถนนสำหรับรถยนต์วิ่งได้เลย  มีแต่ทางเกวียน  และทางชาวป่าจึงพากันเดินกับสามเณร  เดินธุดงค์ข้ามดงมะอี่  ผ่านหมู่บ้านต่าง ๆ  ไป จากอำเภอเลิงนกทา  กว่าจะถึงพระธาตุพนม  ใช้เวลาถึง  7  วัน  7  คืน  จึงถึง   หยุดพักนมัสการพระธาตุพนมพอสมควรแล้วได้เดินทางต่อไปยังเมืองเว ( หรือเมืองเรณูนครในปัจจุบัน ) พักอยู่ที่นั่นประมาณ  2  เดือนจึงเดินทางกลับอุบลราชธานี  ขากลับสามเณรไม่กลับด้วย  คงอยู่เมืองเวต่อไป  ข้าพเจ้าเดินทางกลับองค์เดียวจากเรณูนครถึงอุบลราชธานี  ผ่านดงมะอี่องค์เดียว  ระหว่างนั้นยังเป็นป่าเป็นดงอยู่  พอพ้นจากดงมะอี่มาถึงชายดงระหว่างเขตบ้านไร่กับบ้านหนองยางต่อกัน  ก็ได้กลิ่นเหม็นประหลาดที่กลางดงนั้น  ก็เลยคิดว่า  กลิ่นเหม็นนี้เป็นกลิ่นอะไร  ไม่ใช่ของสัตว์เพราะกลิ่นของสัตว์ไม่ใช่เหม็นอย่างนี้  จึงได้ออกเดินสำรวจดู  พบซากศพคนตายอยู่ข้างหาง  ร่างตกอยู่ในร่องทาง  ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งอยู่  1  ศพ  ข้างศพมีถังสังกะสี  1  ใบ  พร้าอีโต้  1  เล่ม  และผ้าขาวม้า  1  ผืน  ปลายผ้าขาวม้าข้างหนึ่งมีขอดห่อของอะไรอยู่ด้วย



ข้าพเจ้าก็นึกในใจว่า  “ แหม....เราได้เดินทางมาพบขุมทรัพย์อันประเสริฐแล้ว  ยากที่จะพบเห็นได้  เราควรจะเพ่งศพนี้เจริญอสุภะให้ได้ “   เมื่อคิดอย่างนี้  จึงปลงบริขารไว้ที่ใต้ร่มไม้แห่งหนึ่ง  แล้วมายืนเพ่งซากอสุภะที่นอนตายนี้  ซากศพนี้คงจะตายมาหลายวันแล้ว  ประมาณอย่างน้อย  5 – 6 วันมาแล้ว  ร่างนั้นเน่าเปื่อยไปทั้งตัว  ส่วนตับไตไส้พุงมีแต่หนอนเจาะไชกินหมด  หรือแร้งกาเอาไปกิน  ส่วยนัยน์ตาก็มีแต่หนอน  ในปากก็มีแต่หนอนตาทั้งสองก็มีแต่หนอน  เพ่งแล้วก็น้อมมาดูตัวว่า  อีกหน่อยตัวเราก็ต้องเป็นอย่างนี้  ไม่ล่วงความเป็นอย่างนี้ไปได้  ในขณะที่เพ่งอยู่อย่างนั้น  ใจหนึ่งก็เกิดความคิดขึ้นมาว่าแหมซากอสุภะเป็นของที่น่าอุจาด  เราควรจะเผาเสียให้หายอุจาดตา  เพราะท่านว่า  การเผาซากศพคนตายแล้วจะได้บุญได้กุศลมาก  ใจคิดอยากจะได้บุญมากจึงคิดจะเผา  โดยลืมคิดไปว่า  ยังมีสัตว์ตัวเล็ก ๆ อยู่ในซากศพนั้นอย่างมากมาย  จึงไปหากิ่งไม้แห้งเล็กมาเตรียมไว้ที่ข้างศพ  แต่พอเก็บเอาฟืนกิ่งไม้มาแล้ว  ใจหนึ่งก็ฉุกคิดขึ้นมาว่า  “ เราเป็นพระภิกษุสงฆ์  เราจะมาเผาซากอสุภะนี้ได้อย่างไร เพราะดินตอนนี้ยังมีหญ้าเขียวสดอยู่  ส่วนซากอสุภะก็ยังมีตัวสัตว์อยู่เยอะแยะ  ถ้าเราเผามันก็เป็นโทษ  ต้องอาบัติ  ปาจิตตีย์  ฆ่าสัตว์  และทำลายพืชสดของเขียวมิใช่หรือ  ทำคุณจะได้โทษ  ทำบุญจะกลับได้บาปนะนี่ “

คิดแล้วจึงตกลงไม่เผา  กลับมายืนพิจารณาซากอสุภะนั้นต่อไป  เห็นหมู่หนอนทั้งหลายพยายามเวียนบ่อนเจาะไชกัดกินอยู่ตามซากอสุภะนั้น  ในปากก็เต็มไปด้วยหนอน  ตาทั้งสองก็เต็มไปด้วยหนอน   ในซี่โครงในอกก็เต็มไปด้วยหนอน  ขาทั้งสองก็เต็มไปด้วยหนอนทวารหนักทวารเบาก็เต็มไปด้วยหนอน  มีกลิ่นอันเหม็น  ตลอดเวลาที่ข้าพเจ้าเพ่งอยู่นั้น  นับแต่เริ่มเดินมาถึงซากอสุภะเป็นเวลาเที่ยงวัน  จนกระทั่งเวลาบ่ายสามโมง  นับเป็นเวลา  3  ชั่วโมงเต็ม  แต่ก็ยังไม่พอใจอยากจะพักค้างคืน  พิจารณาอสุภะต่อไปจนตลอดคืน  มีความตั้งใจเด็ดเดี่ยวอย่างยิ่ง  มิได้มีความกลัวเลย  คิดแต่ว่าจะต้องเจริญอสุภะให้ถึงที่สุด  ตกบ่ายสามโมง  ได้มีชาวบ้าน  2  คน  เดินด้อม ๆ มอง ๆ มาดูศพ  ข้าพเจ้ามองเห็นจึงถามเขาว่า  “ ศพนี้ตายด้วยโรคอะไร  “  ชาวบ้าน  2  คนตอบว่า  “ ศพนี้เป็นคนอนาถา  ตายเพราะเขาอดอยาก  จึงมาตายที่นี่  “  จึงถามเขาว่า  “  แล้วพวกโยมมาทำไม  “  เขาตอบว่า “  พวกผมมาเพราะเจ้านายใช้ให้มาตรวจดูรักษาศพไว้  เพราะฝ่ายเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้มีการชัณสูตรพลิกศพตามกฎหมาย “  ข้าพเจ้าก็ถามเขาต่อไปว่า  “ อาตมามาเห็นซากอสุภะนี้แล้ว  ถ้าอยากจะขอค้างคืนพิจารณาศพนี้จะได้ไหม “  เขาตอบว่า  ไม่ได้ครับ  เพราะศพยังไม่ได้ชัณสูตรถูกต้องตามกฎหมาย  ถ้าท่านมาหยุดพิจารณาอยู่ที่นี่เดี๋ยวเจ้าหน้าที่เขาจะสงสัย  หาว่าฆ่าคน  ขอนิมนต์ให้ท่านหลีออกไปให้พ้นศพนี้เสีย “  ข้าพเจ้ามองเห็นของที่วางอยู่ข้างกายศพ   ซึ่งคงจะเป็นสมบัติของผู้ตาย  จึงถามเขาว่า  “ ถ้าจะขอชักบังสุกุลสิ่งของที่อยู่กับศพจะได้ไหมเพื่อจะได้อุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ตาย “  เขาก็ตอบอีกว่า  “  ไม่ได้ครับ  เพราะยังไม่ได้ชัณสูตร  ถ้าไปชักผ้าบังสุกุลเขาอาจจะหาว่า  ท่านฆ่าคนตาย  จะมีความผิด  ขอนิมนต์ท่านหลีกออกไปเสียเถอะ

เมื่อชายบ้านยืนยันปฏิเสธแน่นแฟ้นเช่นนั้น  ข้าพเจ้าก็ออกเดินทางต่อไปตกเย็นเดินทางมาถึงบ้านไพนหนามแท่ง  อำเภออำนาจเจริญ  จึงได้หยุดพักปักกลดที่ร่มไม้แห่งหนึ่งริมป่าช้า  ข้าพเจ้าอาบน้ำชำระร่างกายแล้ว  ถึงเวลาพลบค่ำก็เข้าที่ไหว้พระสวดมนต์  แล้วก็นั่งภาวนาพิจาณาซากอสุภะที่เห็นเมื่อกลางวัน   แล้วน้อมเข้ามาหาตัว  เมื่อพิจารณาอยู่....  ขณะนั้นปรากฏในจิตว่ามีซากอสุภะเกิดขึ้นรอบตัวเต็มไปหมด  จนกระทั่งจะกระดิกตัว  กระดิกขาไม่ได้เลย    ขยับตัวไม่ได้จะไปกระทบเอาซากอสุภะเหล่านั้นเข้า  พอหลับตาเข้าก็เห็นเต็มไปหมดเลยจึงน้อมเข้ามาสู่ร่างกายของเราว่า  ร่างกายของเรานี้ก็จะต้องเป็นอย่างนี้  ดับขันธ์เปื่อยเน่าไปเช่นนี้  ไม่อาจจะล่วงความเป็นเช่นนี้ไปได้  เกิดความสลดสังเวชในชีวิตของตนที่เกิดมาว่า  มนุษย์เราจะต้องตายกันทั้งนั้น  ไม่มีใครหนีความตายไปได้  รู้สึกว่าในคืนนั้น  จิตใจสงบ  เยือกเย็น  สบายมากไม่มีกระดุกกระดิกเลย  มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก  ได้นั่งภาวนาตั้งแต่ปฐมยามจนถึงตีสองพิจารณาซากอสุภะอยู่อย่างนั้น  เมื่อถึงตีสองได้เกิดลมพายุอย่างรุนแรง  ฝนตกหนัก  ขณะนั้นเป็นเดือนพฤษภาคม  ฟ้าใหม่  ฝนใหม่  กำลังคะนอง  ทั้งกลดและมุ้งที่กางไว้ถูกกลมและฝนปะทะจนปลิวสะว่อน  กลดหมุนคว้าง  ข้าพเจ้าก็เลยปลดมุ้งออกจากกลดเก็บพับ  ผ้าสังฆาฏิก็เช่นกัน  ต้องพับเก็บไว้ในบาตร  ปิดฝาให้ดีแล้วนั่งกอดเข่าใช้มือประคองกลดจับคันกลดให้แน่นกันฝนไว้  นั่งภาวนาอยู่อย่างนั้น  ทั้งลมและฝนก็ตกอยู่อย่างนั้น  นั่งภาวนาต่อไปเรื่อย ๆ จนจิตสงบ  มีความรู้สึกว่าฝนก็เย็น  ลมก็เย็น  จิตใจก็สงบเยือกเย็นสบาย   ฝนตกอยู่ประมาณชั่วโมงกว่า  ก็เลยหายไป  พอรุ่งเช้า  ข้าพเจ้าไปบิณฑบาตตามบ้านชาวบ้านฉันอาหารเสร็จก็ออกเดินทางต่อไป  ข้าพเจ้าได้เดินทางกลับมาถึงบ้านเดิม  ได้ไปเยี่ยมโยมมารดาซึ่งลาสิกขาบทจากแม่ชีกลับมาอยู่บ้านกับลูกหลานแล้ว  ตอนนี้ข้าพเจ้าเกิดไม่สบายจึงต้องพักอยู่ที่บ้านเดิมชั่วคราว  การเป็นไข้ป่าหรือไข้มาเลเรียครั้งนี้คงได้รับเชื้อมาจากดงมะอี่นั้นเอง

พอจวนจะเข้าพรรษา  ท่านพระอาจารย์บุ  พระครูทัศนประกาศ  ซึ่งเป็นเจ้าคณะอำเภออำนาจเจริญ  ได้ส่งคนมารับข้าพเจ้าให้ไปจำพรรษาที่วัดทุ่ง  บ้านชาติ  หนองอีนิน  อำเภอเลิงนกทา  ซึ่งเป็นบ้านเดิมของท่านข้าพเจ้าก็รับนิมนต์  จึงไปจำพรรษาที่บ้านของท่านอาจารย์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น